เรื่องเล่า จากการสัมมนาคณาจารย์คณะครุศาสตร์ มรส. 1-2 เม.ย.56 : การจัดประสบการณ์และควบคุมคุณภาพการจัดการเรียนรู้ สู่มาตรฐาน TQF โดย รศ.ดร.สุพักตร์ พิบูลย์
เรื่องเล่า จากการสัมมนาคณาจารย์คณะครุศาสตร์ มรส. 1-2 เม.ย.56 : การจัดประสบการณ์และควบคุมคุณภาพการจัดการเรียนรู้ สู่มาตรฐาน TQF
ในวันที่ 1-2 เมษายน 2556 ผมได้มีโอกาสไปร่วมเป็นวิทยากรในการประชุมคณาจารย์คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (นำโดย ผศ.ดร.บรรจง เจริญสุข คณบดี) จัดที่ “ต้นธาร รีสอร์ท & สปา” อ.ขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เราได้เสวนากันหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้และสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพ ด้วยความคาดหวังที่จะให้คณะครุศาสตร์ เป็นต้นแบบในการจัดการเรียนการสอนและการควบคุมคุณภาพบัณฑิตตามกรอบมาตรฐาน TQF ซึ่งผมเองในฐานะกรรมการคณะครุศาสตร์ มรส. ก็มีความคาดหวังในเรื่องนี้เป็นพิเศษ อีกทั้งในพิธีเปิดการประชุม ท่านอธิการบดี มรส.-ดร.ประโยชน์ คุปต์กาญจนากุล ก็ได้กล่าวถึงความคาดหวังที่จะให้คณะครุศาสตร์ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการยกระดับและควบคุมคุณภาพการผลิตบัณฑิต อย่างเป็นระบบ จริงจัง(ถือเป็นโจทย์ชิ้นสำคัญสำหรับคณะครุศาสตร์ มรส.)
ในที่ประชุม เราได้เสวนาในเรื่องต่าง ๆ อาทิ
1. คณาจารย์คณะครุศาสตร์ทุกคน จะต้องแตกฉานในหลักการและสาระสำคัญของกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ 6 มิติคุณภาพ และจะต้องมุ่งมั่นในการผลิตบัณฑิตให้มีสมรรถนะตามกรอบมาตรฐาน TQF โดยในอนาคต จะต้องทำการประเมินมาตรฐานสมรรถนะอย่างเป็นระบบ จริงจัง….ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยจำนวนมากยังทำ มคอ.3 มคอ.5 มคอ.7 เพียงเพื่อให้มีหลักฐานว่าได้ทำแล้ว(Sense of Survival) ไม่ใช่ทำเพื่อมุ่งหวังสู่ความเป็นเลิศ(Sense of Excellence)
2. ในการจัดการเรียนการสอน จะต้องจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ด้วยวิธีการที่หลากหลาย ทั้งนี้ในครั้งนี้ ได้เสวนาแนวทางการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน(Project-based Learning) และคาดหวังให้ใช้กระบวนการนี้ เป็นกระบวนการสำคัญรายการหนึ่ง ในการจัดประสบการณ์แก่นักศึกษา “การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน” น่าจะช่วยพัฒนา ทักษะทางปัญญา ทักษะปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทักษะ ICT ทักษะเชิงตัวเลข ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี
3. การวิเคราะห์จุดเน้นที่แตกต่างระหว่าง Problem-based Learning กับ Project-based Learning
4. ลักษณะ โครงงานที่ควรใช้เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ประเภทโครงงาน ที่ทำได้
–โครงงานประเภทสำรวจ (Survey Research Project)
–โครงงานประเภททดลอง (Experimental Research Project)
–โครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์ (Development Research Project)
–โครงงานประเภททฤษฎี (Theoretical Research Project)
ลักษณะโครงงานที่ควรส่งเสริมให้ทำ
1)โครงงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียน
2)โครงงานที่มุ่งพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น
3)โครงงานศึกษา ค้นคว้า ภูมิปัญญาท้องถิ่น/ภูมิปัญญาไทย
4)โครงงานแก้ปัญหาหรือพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา
5)โครงงานที่มุ่งเสริมสร้างสมรรถนะทางวิชาชีพ
5. การประชุมปฏิบัติการ ด้วยกิจกรรมสำคัญ ๆ ดังนี้
กิจกรรม 1 :กำหนดเป้าหมายชีวิตเป้าหมายงาน ในการปฏิบัติงานในบทบาทของอาจารย์ระดับอุดมศึกษา
ให้สมาชิกที่เข้ารับการอบรมรายบุคคลกำหนดเป้าหมายชีวิตหรือเป้าหมายผลงานในแต่ละรอบปี ให้ครอบคลุมในเรื่อง (1)การเข้าสู่ตำแหน่งทางวิชาการ และ(2)การศึกษา ค้นคว้า วิจัยและพัฒนานวัตกรรมในรอบปี
กิจกรรม 2 ออกแบบการเรียนรู้: จัดทำแนวจัดการเรียนรู้ในรายวิชาที่รับผิดชอบ โดย กำหนดแนวการจัดประสบการณ์แต่ละหน่วยการเรียนรู้ กำหนดรายการกิจกรรมหลักๆ ที่นักศึกษาต้องปฏิบัติตลอดภาคเรียน(หรือตลอดปี) ในลักษณะของโครงงาน พร้อมกำหนดน้ำหนักคะแนนในแต่ละกิจกรรมแนวทางการวัดและประเมินผลงานแต่ละรายการ
กิจกรรม 3 สัมมนากำหนดโครงงาน/ชิ้นงานแบบบูรณาการ โดยผู้ให้สมาชิกที่สอนในระดับชั้นเดียวกัน/โปรแกรมวิชาเดียวกันร่วมสัมมนา รวบรวมรายการชิ้นงาน/โครงงานสำคัญ ๆ ที่นักศึกษาต้องทำในแต่ละภาคเรียน(หรือในแต่ละปี)
กิจกรรม 4 จัดทำแผนจัดการเรียนรู้ในรายวิชา ตามแบบที่สถาบันกำหนด หรือตาม มคอ.3(มอบหมายให้แต่ละรายวิชาไปจัดทำ)
กิจกรรม 5 จัดทำแผนกำกับติดตามงานจัดการเรียนการสอนของกลุ่มสาระ/โปรแกรมวิชา ให้คณาจารย์แต่ละโปรแกรมวิชาร่วมกันกำหนดปฏิทินการกำกับติดตามและควบคุมคุณภาพการจัดการศึกษาของโปแกรมวิชา ให้ครอบคลุมกิจกรรมต่อไปนี้
1) การสัมมนาความพร้อมในการจัดการศึกษาก่อนเปิดภาคเรียน..โดยนำเสนอ มคอ.3 และรายการนวัตกรรมโดดเด่นที่จะทดลองประจำภาคเรียน
2) การสัมมนาความก้าวหน้าในการจัดการเรียนรู้ ทุก 1-2 เดือน …นำเสนอผลการจัดการเรียนการสอน บทเรียนดีๆ
3) การสัมมนาเสนอผลการจัดการเรียนรู้ประจำภาคการศึกษาระดับโปรแกรมวิชา(และระดับคณะ)…โดยนำเสนอ มคอ.5 ผลการทดลองใช้นวัตกรรม และบทเรียนสำคัญ ๆ(BestPractice) พร้อมแนวทางการจัดการเรียนรู้ในภาคการศึกษาหรือปีการศึกษาต่อไป
4) การสัมมนาเสนอผลการจัดการศึกษาสิ้นปีการศึกษา…โดยนำเสนอผลงานจัดการศึกษาของรายวิชา ของโปรแกรมวิชา ผลงานศึกษา ค้นคว้า วิจัยหรือพัฒนานวัตกรรมในรอบปี(ควรมีการสัมมนาระดับโปรแกรมวิชา และระดับคณะ)
……..แผนกำกับติดตามและควบคุมคุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่ชัดเจน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำความสำเร็จมาสู่คณะหรือโปรแกรมวิชา…….
กิจกรรม 6 สัมมนาหาข้อสรุปเกี่ยวกับบทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษา ; ให้สมาชิกร่วมกันหาข้อสรุปเกี่ยวกับบทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษาในการส่งเสริมพัฒนาสมรรถนะนักศึกษา รวมถึงการประเมินสมรรถนะนักศึกษา ในรอบปีและก่อนจบการศึกษา(ไม่ได้ทำในที่ประชุม)
…….จากการทำกิจกรรมและนำเสนอความก้าวหน้า คาดว่า ทุกโปรแกรมวิชา มองเห็นแนวทางการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม ขั้นตอนต่อจากนี้ เป็นเรื่องของการไปจัดทำรายละเอียด มคอ.3 การกำหนดโครงงานแบบบูรณาการ และการจัดทำปฏิทินการขับเคลื่อนที่ชัดเจน…
6. การหารือเกี่ยวกับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ เห็นว่า
6.1 ควรกำหนดมาตรฐานสมรรถนะที่ต้องฝึกในระยะเวลา 1 ปี ให้ชัดเจน
6.2 ควรฝึกประสบการณ์ในช่วงเรียน ปี 2-4 ให้นักศึกษาจัดทำโครงงานศึกษา ค้นคว้า หรือพัฒนางานในโรงเรียน ร่วมกับโรงเรียนในทำเลที่ตั้งบ้านเกิด อย่างน้อยปีละ 1 โครงงาน
ประเด็นคำถาม
1. ในการจัดการเรียนการสอน “วิชา การวิจัยทางการศึกษา” อาจารย์ผู้สอนใช้วิธี Project-based Learning โดยมี 2 ทางเลือก คือ 1) จัดทำโครงการวิจัย 1 โครงการ วิจัยในประเด็นที่ตัวเองหรือสมาชิกในกลุ่มสนใจ (แล้วดำเนินการวิจัยจนแล้วเสร็จ) หรือ 2) ให้นักศึกษาไปปรึกษาหารือกับสถานศึกษาที่ตนเองสังกัด หรือโรงเรียนเดิมที่เคยเรียน แล้วร่วมกับคณาจารย์ในโรงเรียน ทำการศึกษา วิจัย 1 โครงการ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานตามความต้องการของโรงเรียน(ดำเนินการจนแล้วเสร็จ)….ท่านคิดว่า ทางเลือกใดเหมาะสมกว่า ด้วยเหตุผลใด
2. ฝึกคิด วิเคราะห์ วันนี้…Problem-based Learning กับ Project-based Learning เหมือนกัน หรือต่างกัน อย่างไร
โดย รศ.ดร.สุพักตร์ พิบูลย์
แหล่งที่มา : https://www.facebook.com/notes/suphak-pibool/